Originally published in Volume 1 No.6 Bicycles United magazine
อ่านเวอร์ชั่นภาษาไทย กดที่นี้จ้า
CHAI BULAKUL
Challenging One’s Self
Having had the opportunity to talk to the many race cyclists who rides for the prize there are many races for them to join but definitely there is one race not to be missed. This is the “Tour de Farm” the race created by Chai Bulakul, C.O.O. of Chokchai Enterprises Group, the restaurant and property arm of Farm Chokchai Group.
“Back in 2007, on July 7 we wanted to do something to reduce global warming (Earth Day,) the company already does projects and volunteer activities for this but personally, I wanted to do something in addition to the usual company activities which is why I decided there and then to ride my bicycle and cycle to work everyday. This has also help improved my cycling skills.
“After cycling to work for awhile I enjoyed it and wanted to achieve more, personally I love sports so I went on to cycling farther and farther. Going on even farther and higher, cycling has become more than a transport for me. Spinning is fun but there are so many many forms of cycling to choose from. So I chose the sport form of cycling and I thought about racing. I think racing is very interesting and wanted to ride on the road-bike. I borrowed my friend’s road-bike to try it out. I rode it only on a very short ride and know I had to get a road-bike for myself.
Incidentally, there is one person who had looked after me when I was a young child. The most special and interesting thing is he is one of Thailand’s first Asian Games Gold Medal winners in cycling “M.R. Kriengsak Worawuthichongsathit”. He is a race cyclist in the same period of Preeda Chullamondhol. I thought he was a very cool guy because in those days there was very few who could go to the Olympics. He was in the Olympics held in Mexico.
“When I think back about cycling as a kid it was he who invited me to ride. Thinking of him I decided to give him a call and he told me only recently did he take up riding again so I invited him to ride since our company goes on cycling rides.
Seeing that I ride well, he asked me to take up racing seriously. Not long after, my first race was “Viset Chaicharn, Ang Thong”. I really had to prepare myself well for the race. I found the more training the better it is and more challenging. Even after returning from the race, I found I loved it even more and participated in almost all cycling race events. I keep all my ride statistics, looking back on it, I have cycled quite a few thousand kilometers. Last year I had set my target to be 10,000 kilometers and this year I pushed for more.
As I have been cycling alone, I asked for people in the company to join with me in the ride. We would cycle around the factory, one round is approximately 2 kilometers and a reward of Baht 20.00 was given per round. We kept the statistics and the money was given to charity. In the beginning we had 30-40 riders which made the ride fun but after a while there was less riders with the more serious ones who participated. In the first year we had 20 in the group and now there is about 12-13. With this group we set our cycling club. We use all types of bicycles and hence set our cycling culture, when there are no races we would organize our own cycling activities and we even involve in volunteer work and seminar. We go to all the races and most of the competitions in Thailand are one day races in the challenge format finishing in the set time. That’s why we don’t expect much to to reach our target and based on “performance” to challenge and to prove ourselves.
There are the champion races in Thailand that I have participated and reached the 13th in the race held in Saraburi. Early this year I participated in the Tour of Friendship Race around end April and was very impressed. I was not sure if I could survive it as it is a six day race.
The first day of the race was to collect points and the ride per day is more than 100 km. Since we have registered we have to move ahead. For this race we had been preparing since the new year with four months to practice. We arrange a hard and brutal practice schedule and discussed with a friend to set up the Club Saturday Century to ride exceeding 100 km. and also prepare everything that is required to get ourselves fit and ready for the the race. On the actual race day the atmosphere was that of racing abroad as there were no more than seven Thais participating in the race.
Tour of Friendship R1 Thailand is a small tour but it is considered as a popular race amongst the international cycling community held in Thailand annually. It started in 1998 (2541 based on the Thai calendar) under the name of “Anti Drug Tour Thailand” and later was sponsored by the Electricity Generating Authority of Thailand (EGAT). Later in 2008 the name was changed to Tour of Friendship R1 with almost all the participants being foreigners.
ชัย บูลกุล
เป้าหมายคือการแข่งกับตัวเอง
หลังจากที่ผมได้คุยกับนักล่ารางวัลหลายคน นอกจากการแข่งขันหลายๆ รายการที่นับวัน จะเพิ่มมากขึ้นทุกวัน แต่จะมีรายการแข่งขัน ที่ถือเป็นรายการแข่งประจำปีหลายๆ รายการ ที่ทุกคนจะไม่พลาด และหนึ่งในรายการ เหล่านั้นคือ “Tour de Farm” รายการ แข่งขันที่เกิดขึ้นจากความคิดของ “คุณชัย บูลกุล” กรรมการผู้จัดการสายงาน ธุรกิจ ภัตตาคารและอสังหาริมทรัพย์ บริษัท โชคชัย ฟู้ดแอนด์เรสโทรองท์ จำกัด (ฟาร์มโชคชัย) ที่นอกจากจะเป็นผู้บริหาร แล้วยังเป็นนักขี่ ที่เน้นการพัฒนาตัวเอง ด้วยการขี่อีกด้วย
“หลังจากที่เด็กเราแล้วก็หยุดไปนานมาก จนเมื่อวันที่ 7 เดือน 7 ปี 2007 วันนั้นเป็น วันลดโลกร้อน (Earth Day) ซึ่งปกติที่บริษัท ก็มีการทำโครงการรักษ์โลก ทำกิจกรรมอาสา กันอยู่แล้ว ทำมาก็หลายอย่าง แต่นั่นคือ ส่วนของตัวบริษัท ส่วนตัวเราก็เลยอยาก ทำอะไรในส่วนของตัวเราเองบ้างในสิ่งที่ นอกเหนือกับที่เคยทำอยู่ วันนั้นก็เลยเป็น วันที่ผมตัดสินใจหันมาปั่นจักรยานเพื่อมา ทำงาน แล้วก็ปั่นมาทำงานจนถึงทุกวันนี้”
“พอปั่นมาทำงานได้ซักพักนึงก็เริ่มสนุก อยากปั่นมากกว่านั้นอีก โดยส่วนตัวผมเป็น คนชอบเล่นกีฬาอยู่แล้วก็เลยเริ่มปั่นให้ไกล ขึ้น ไกลขึ้นเรื่อยๆ นอกจากปั่นเดินทางก็ มาใช้เล่นเพิ่มขึ้น การปั่นเล่นมันก็สนุกนะ แต่การใช้จักรยานมันมีให้เลือกหลาย รูป แบบเหลือเกิน เราก็เลยเลือกสนใจกีฬาจนเริ่มนึกถึงการแข่งขัน เรามองว่าการแข่งขัน มันคงน่าสนใจดีเลยอยากปั่นเสือหมอบ ก็ เลยไปยืมรถเพื่อนลองมาปั่นดู ปั่นได้แป๊ป เดียวเท่านั้นมันก็ทำให้รู้ว่าเราต้องมีเสือ หมอบซักคัน”
“บังเอิญก็มีพี่คนหนึ่งที่เขาเลี้ยงผมมา ตอนเด็กๆ พิเศษตรงที่พี่เขาเป็นคนไทย คนแรกๆ ที่ได้เหรียญทองกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ จักรยาน “มรว.เกรียงศักดิ์ วรวุฒิ” (เป็นนักแข่งรุ่นเดียวกับคุณปรีดา จุลละมลฑล) ผมว่าเขาเท่ห์มากนะ เพราะสมัยนั้นก็คงจะ มีไม่กี่คนที่จะได้ไปโอลิมปิก…เม็กซิโก พอเรานึกถึง จักรยานเมื่อตอนเด็กๆ ก็เขานั่น แหละที่ชวนเราไปขี่ นึกถึงเขาก็เลยโทรหา เพราะไม่ได้เจอกันนานมาก เขาก็บอกว่า เขาเพิ่งกลับมาขี่เมื่อไม่นานนี้เหมือนกัน ก็ เลยชวนเขามาขี่ด้วยกันเพราะบริษัทเราก็ มีที่เยอะอยู่”
“พอขี่กันอยู่ได้พักนึงเขาก็ชวนผมไป แข่งอย่างจริงจัง ไปลงแข่งรายการแรกหลัง จากนั้นไม่กี่เดือนที่วิเศษชัยชาญ อ่างทอง เป็นงานใจเกินร้อย ก็เลยต้องเริ่มเตรียมตัว อย่างจริงจัง ยิ่งเตรียมตัวเป็นเรื่องเป็นราวก็ ยิ่งสนุก พอหลังจากไปแข่งเสร็จกลับมา ก็ยิ่งชอบ คราวนี้เลยไปมันแทบจะทุกรายการ ไปมาตลอด ซึ่งโดยปกติผมก็จะเก็บสถิติ ของทุกวันที่เราขี่ได้ เดี๋ยวนี้พอมานั่งดู เดือนๆ นึงได้เป็นพันโลฯ อย่างปีที่แล้วที่ เคยตั้งเป้าไว้ที่หมื่นนึง ปีนี้ก็ต้องเขยิบเป้า ให้เพิ่มออกไปอีก”
“ในช่วงนั้นเราก็เริ่มชวนคนในบริษัทมา ปั่นบ้างเพราะตอนนั้นปั่นอยู่คนเดียว ชวน ให้เขามาขี่กันรอบๆ โรงงาน รอบนึงก็ ประมาณเกือบ 2 กิโลเมตร ใครขี่ได้จะให้ รอบละ 20 บาท โดยจะเก็บสถิติไว้แล้วจะ เอาเงินไปทำบุญ แรกๆ ก็มีคนมาร่วมเยอะ ประมาณ 30-40 คน ก็คึกคักดี แต่พอซักพัก นึงเวลาก็จะคัดตัวเขาเอง เหลือแต่กลุ่มที่ จริงจัง สุดท้ายก็เหลืออยู่ประมาณ 20 คน ในปีแรก และลดน้อยลงไปอีกจนตอนนี้ก็ เหลืออยู่ ประมาณ 12-13 คน กลุ่มนี้เอง ที่เราตั้งเป็นชมรม จะใช้จักรยานกันทุก รูปแบบเลย เราก็กำหนดให้มันเกือบจะ เป็นวัฒนธรรมส่วน หนึ่งของเราไปแล้ว ระหว่างไม่มีแข่งเราก็พยายามจัดทริปไปทำ กิจกรรม โครงการอาสาอะไรก็แล้วแต่เราก็ จะเอามันเข้าไปเกี่ยว ไปสัมมนา ไม่ว่าเดิน ทางไหนก็จะปั่นกันไป”
“เวลาแข่งก็จะพากันไปแข่งด้วยแทบทุก รายการ การแข่งขันในบ้านเราส่วนใหญ่จะ เปน็ แบบ one day race แขง่ กนั แบบชาเลน้ ท ์ ขอให้จบในเวลาก็พอ ฉะนั้นเวลาที่ไปแข่ง เราก็ไม่ได้หวังผลซักเท่าไหร่ เราหวัง performance ว่าที่เราตั้งเป้าต้องไปให้ถึง ไปแข่งกับตัวเอง ไปพิสูจน์ตัวเอง ส่วน การแข่งขันแบบชิงแชมป์ก็มีที่ผมเคยไป ในราย การชิงแชมป์ประเทศไทยรุ่น 40 อันดับสูงสุดเคยได้ที่ 13 สนาม 2 สระบุรี ปีที่ผ่านมา”
“เมื่อต้นปีมีได้ไปรายการที่ประทับใจใน งาน Tour of Friendship ประมาณปลาย เมษายน ปกติถ้าขี่หนักๆ วันรุ่งขึ้นก็ต้อง พัก ตอนแรกก็เลยไม่แน่ใจว่าจะไหวเพราะ งานนี้ขี่ต่อกันตั้ง 6 วัน (วันแรกเป็นสนาม เก็บคะแนน) วันนึงต้องขี่กันมากกว่าร้อยโลฯ แต่พอลงชื่อไปแล้วก็เลยต้องลุยดู งานนี้ เตรียมตัวนาน เตรียมตัวกันตั้งแต่ปีใหม่ มี เวลาซ้อมอีกประมาณ 4 เดือน เราก็เลย ออกโปรแกรมซ้อมที่โหดและหนักขึ้นๆ ก็เลยคุยกันกับเพื่อนตั้งเป็น Club Saturday Century ขี่เกินร้อยกันทุกวันเสาร์ และนอก นั้น ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกอย่าง พอวันจริงบรรยากาศเหมือนได้ไปขี่ต่าง ประเทศ เพราะมีคนไทยม่าร่วมแข่งไม่เกิน 7 คน”
Tour of Friendship R1 Thailand ถือ เป็นรายการทัวร์เล็กๆ ที่ได้รับความนิยม ระดับนานาชาติอีกรายการหนึ่งที่แข่งทุกปี ในประเทศไทย ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1998 หรือปี พ.ศ.2541 โดยใช้ชื่อการแข่งขัน รายการนี้ว่า “Anti Drug Tour Thailand” โดยต่อมาในภายหลังได้รับการสนับสนุน จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “Tour of EGAT” และต่อมาในภายหลัง เมื่อปี 2551 ได้ เปลี่ยนชื่ออีกครั้งหนึ่งเป็น “Tour of Friendship R1” ซึ่งรายการนี้ผู้เข้าแข่งขัน แทบทั้งหมดเป็นต่างชาติ
Leave a Reply