Originally published in Volume 1 No.6 Bicycles United magazine
อ่านเวอร์ชั่นภาษาไทย กดที่นี้จ้า
Farm Chokchai & Chokchai Steakburger
“TOUR de FARM”
The Tour de Farm has been organized twice since 2011 and it turned out to be the race that every many cyclists want to conquer and take the challenge to prove their endurance. It takes place in Khao Yai, the distance is over 100 kilometers with slopes going up and down the mountain.
Starting from the big floods, we like the others also had to put out the big sand bags to block the floods into the factory but in the end it did not work and the walls broke the water reaching 1.7 metres, we had to move almost everyone to Pak Chong and we also brought our bicycles with us.
The weather was excellent thus we had the opportunity to ride our bicycles daily cycling up and down the mountain slopes making us very fit and strong. I started to know more people in the Korat area especially those that loved cycling and arranged cycling trips before the floods reached there. I was invited to ride from Rangsit to Pak Chong but when we moved there we had to change the route and ride within the area instead. We invited the people to ride and collect money to help those suffering from the floods.
I had asked for advise from those who had raced in Korat as I was keen to organize a tour covering 3 provinces with the first day from Farm Chokchai to Klong Phai which is a flat, straight and wide road in the middle of the route. Day 2 will be filled with rolling hills and Day 3 up to Khao Yai onto Prachin. However majority of the people registered for only 2 days. Combined with the money donated we collected almost Baht 100,000 towards the flood charity.
The following year people requested for us to organize the tour once again. I really did not want to do it as I am a cyclist and prefer riding. Organizing an event can be quite a headache. With the cheering and encouragement we went on to year 2. For me personally to take on a task we must be detailed. Going to the different events we note what is lacking or missing and do our best. My purpose is that those in surrounding areas and community should also benefit from our tour. We also talk to the resorts along the route to have their guests come out and cheer as well as asking the local community and students to cheer adding more colors and excitement to the race.
Once again for this year, I did not want to organize the race as it is really very exhausting to run a race. Last year’s race I could not go to sleep until 3 in the morning. Waking up in the morning to ride my bike I encountered cramps so it was really not fun at all. It was even more disappointing since it was my own event and I could not participate after being fit and prepared for the year. We had a huge loss last year but the previous year’s sponsor planned for us thus we sourced for additional funding and went ahead to do the 2013 tour.
Most of the things will remain the same for this year’s race with certain key areas to be revised such as the race categories. Last year we focused too much on the races, dividing it into too many categories. There were many that were not satisfied.
I would like to see this as a race for the pros and not just the weekend riders so we announced that the route will be a tough one and not suitable for the beginners. We will have two categories: 60 Km and 107 Km. Nearly half of the riders who comes are beginners who does not have the experience but want to participate. I was worried about the safety issues as accidents can occur based on this. Fortunately it did not occur then and though it did not happen, I do not wish for it to happen this year. That’s why I want it to be one route exceeding 100 km. Coming to Pak Chong there is no smooth path so if you want to find a simple route it is better to participate in another race event. For this year there will only be the 107 Km category and only 1000 riders will be accepted. Actually I really want to have it exceed 107 Km but I am worried few people will register. Overall I want to be able to look after and manage the event well as well as reduce and prevent any unnecessary risks.
We want all the participants to practice well before coming. It is not just about loving to ride a bike, it will be more enjoyable if it is based on a fitness level to challenge oneself. A real rider would want to be able to prove himself with the tour that has all forms with distance, obstacles and wind barriers. We also would like to promote to the community in the area to come out more than the previous two tours. I want to promote Pak Chong and Khao Yai to be the city for cycling in the future. We have discussed with the Tourism Association that if possible to offer discounts to those who ride the bike to see the event and support those who are competing.
The real reason I want to organize the Tour de Farm is for all riders to have the opportunity to gain the experience I have encountered.
ทัวร์เดอะฟาร์มถูกจัดมาแล้ว 2 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2554 จนดูเหมือนจะเป็นทริป ประจำปีที่หลายๆ คนอยากไปพิชิต ด้วยเส้นทางวนรอบพื้นที่เขาใหญ่กว่า ร้อยกิโลเมตร มีทั้งทางขึ้นและลงเขา อย่างต่อเนื่องยิ่งทำให้หลายๆ คนอยาก ไปพิสูจน์ตัวเอง
“เริ่มมาจากเมื่อปีที่น้ำท่วมใหญ่ เราก็ระดม คนเอากระสอบทรายมาบล็อกที่โรงงาน กันเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่ กำแพงพังน้ำก็ท่วมหมดเลยเมตรเจ็ดสิบ ก็เลยต้องย้ายคนเกือบทั้งหมดไปรวมกัน อยู่ที่ปากช่อง และก็เอาจักรยานกันไปด้วย ช่วงนั้นอากาศดีมาก เลยได้ปั่นกันอยู่ตลอด ทำให้ร่างกายฟิตมากเพราะต้องขึ้นเขากัน ทุกวัน”
“จนมาถึงวันเกิดผม 19 ธันวาคม ช่วงนั้นเริ่มรู้จักกับคนในพื้นที่มากขึ้นกับ คนโคราชที่ชอบปั่นจักรยาน ก็เลยชวน กันจัดทริป ตอนแรกก่อนที่น้ำจะท่วม ผมก็เคยชวนกับคนที่ชมรมว่าจะปั้นจาก ที่รังสิตนี่ไปที่ปากช่อง แต่พอย้ายไปที่นู่น ก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายเป็นไปขี่จัดทริปใน ระแวกนั้นกันดู เชิญคนมาแล้วเก็บตังค์ เอาเงินไปบริจากช่วยคนที่น้ำท่วม ประกอบ กับมีคนที่เคยจัดการแข่งขันที่โคราชช่วย แนะนำ ซึ่งผมเองอยากจะจัดเป็นทัวร์ 3 จังหวัด โดยวันแรกจากฟาร์มโชคชัย ไปคลองไผ่ซึ่งเป็นทางเรียบ ตรงๆ ยาว กลางทางเป็นเนินใหญ่ๆ พอวันที่ 2 จะ เป็นเส้นทางแบบ rolling hill ส่วนวันที่ 3 ก็ขึ้นเขาใหญ่ไปปราจีน แต่สุดท้ายคนมา ลงส่วนใหญ่จะลงแค่ 2 วัน ได้เงินมารวม กับที่รับบริจาคเป็นแสนเอามาช่วยน้ำท่วม”
พอถึงปีต่อมาปีที่แล้วก็มีคนเรียกร้อง ให้จัดต่อ ใจจริงก็ไม่อยากเท่าไหร่เพราะ เราเป็นนักปั่นก็อยากจะปั่นไปเป็นคนจัด งานก็ปวดหัวพอสมควร แต่ด้วยแรงยุเรา ก็เลยเอา โดยส่วนตัวผมเวลาจะทำอะไรก็ จะต้องเก็บรายละเอียด เพราะเวลาเราไป แต่ละงานว่างานนี้มันขาดอะไร งานนั้น มันขาดอะไร เราก็พยายามที่จะให้ออกมา ดีที่สุด วัตถุประสงค์ของผมอีกอย่างนึง คืออยากให้คนในระแวกนั้น คนในชุมชน เขาต้องได้ประโยชน์ด้วย และก็พยายาม ไปคุยกับรีสอร์ทในเส้นทางให้ช่วย ประชาสัมพันธ์ให้คนที่เข้าพักช่วยกัน ออกมาเชียร์ ไปคุยกับชุมชนให้ชาวบ้าน ให้นักเรียนออกมาดูกัน เพื่อทำให้การ แข่งขันมันมีคนดู จะได้ช่วยเพิ่มสีสันให้ กับคนขี่เข้าไปอีก”
“ส่วนปีนี้ที่เรามอง ตอนแรกก็ไม่คง อยากจัดอยู่เหมือนเดิมเพราะเหนื่อย อย่างปีที่แล้ว วันแข่งกว่าจะได้นอนก็ตี สาม ตื่นมาปั่นก็ตะคริวกิน มันเลยไม่ สนุกมากๆ และยิ่งเสียดายที่เป็นรายการ ของตัวเองแต่ไม่พร้อมทั้งๆ ที่ฟิตมาทั้งปี แต่พอสปอนเซอร์ปีที่แล้วเขามาวางแผน ให้เราเสร็จสรรพ์ จะพยายามหาตังค์มา ช่วยเพิ่ม …ปีที่แล้วขาดทุนยับอยู่เหมือน กัน… เราก็เลยต้องตกลงที่จะจัดต่อ”
“ก็ดูไว้ว่าหลายๆ อย่างจะยังคงเหมือนเดิม แต่จะมีจุดหลักๆ ที่น่าจะเปลี่ยนก็คือ เรื่องของรุ่น เพราะในปีที่แล้วไปเน้นเรื่อง การแข่งขันมากแบ่งรุ่นซะเยอะ แถมมีทั้ง Mountain และ Road Bike คนที่มาสมัคร ส่วนใหญ่ค่อนข้างพอใจแต่ว่าจริงจังเกินไป จริงจังขนาดถือว่ามีการประท้วงมากที่สุด กว่าจะมอบรางวัลจบตั้งแต่ก่อนเที่ยงไป เสร็จเกือบค่ำ จริงจังขนาดไม่ยอมกัน”
“เราอยากให้เป็นรายการที่นักแข่งดูเป็นโปร ไม่ใช่เป็นแค่ just weekend rider เราเลย ประกาศออกไปว่าเส้นทางค่อนข้างโหดนะ ไม่ใช่สำหรับมือใหม่ แต่เพราะว่าเรามี 2 รุ่น 60 กับ 107 กิโลเมตร ครึ่งนึงที่มา กลายเป็นคนไม่มีประสบการณ์ มือใหม่ ล้วนๆ แต่อยากมา พอมาแล้วเราก็ห่วง เพราะว่าถ้าเอามารวมกันแล้วอุบัติเหตุมัน จะเกิด อุบัติเหตุมันเกิดจากความต่าง อย่างนี้แหละ โชคดีที่มันไม่เกิดแต่ต่อให้ มันไม่เกิดปีนั้น ปีนี้ผมก็ไม่อยากให้เกิดอยู่ดี ผมก็เลยอยากให้มันเหลือเส้นทางเดียว ยังไงก็ต้องเกินร้อย คุณมาแถวปากช่องก็ ไม่มีหรอกทางเรียบ อยากได้ทางง่ายๆ ก็ ไปหารายการอื่นดีกว่า ก็จะเหลือแต่รุ่น 107 ซึ่งจริงๆ อยากได้เกินด้วยซ้ำ แต่กลัวคน มาได้น้อย และคงไม่ซอยรางวัลเยอะเหมือน ปีที่แล้ว แต่อาจจะมีรางวัลพิเศษสำหรับ 50 คนแรกนะ คงต้องขอคิดต่ออีกหน่อย ยังไม่สรุป และน่าจะเปิดรับสมัครประมาณ ตุลาคมนี้หล่ะ จำนวนคงไม่เกินพันคน เท่าเดิม เพราะยังต้องการดูแลให้ทั่วถึง และลดความเสี่ยงในเรื่องของอันตรายที่ จะเกิดด้วย”
“อยากให้ใครที่จะมาต้องซ้อมมาไม่ใช่ มาแค่ใจรัก มันจะสนุกได้เมื่อมาแล้วมี ระดับความฟิตที่พอถึงจะสนุก หลักๆ เราก็พยายามให้มาขี่แข่งกับตัวเองมากกว่า เป็นนักปั่นจริงๆ ก็คงจะอยากพิสูจน์กับ สนามที่มีทุกรูปแบบ ทั้งระยะทาง อุปสรรค และลม และอยากประชาสัมพันธ์กับคนใน พื้นที่ ให้คนออกมามากขึ้นกว่าเก่า และ อยากส่งเสริมปากช่อง เขาใหญ่ให้เป็น เมืองจักรยานในอนาคต เราก็ไปคุยกับ สมาคมท่องเที่ยวว่า weekend นั้นถ้าเป็น ไปได้ทุกคนให้มีส่วนลดกับทุกคนที่ขี่ จักรยานมา หลายคนก็เริ่มเห็นด้วย จะได้ สนับสนุนพวกที่ไม่ได้มาแข่งแต่อยากมาดู”
“ใจจริงที่เราอยากจัดเพราะอยากให้มา เจอประสบการณ์เหมือนที่เราเจอ และหวัง ว่าปีนี้จะหนาวเหมือนปีแรก เพราะเป็นสิ่ง ที่ผมชอบที่สุด อากาศอย่างนั้นผมปั่นได้ ทั้งวัน”
การแข่งขันทัวร์เดอะฟาร์มปีนี้เป็นปีที่ 3 ก็จะเริ่มเปิดรับสมัครกันอีกไม่นานนี้ เราคงได้เห็นเหล่ามือโปรทั้งหลายมารวม ตัวกันอย่างคึกคักอีกเช่นเคย
Leave a Reply